ปิดประเด็นเรื่องสายชาร์จแตงโม! น้องภีมออกมาทำการทดลองด้วยตัวเองแล้ว

กลายเป็นประเด็นร้อนจนน้องภีมสาวสวยของเรา ต้องออกมาทำการทดลองอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อหลังจากที่มีกระแสคลิปฝรั่งและเวียดนามทั้งสองคลิป ทำออกมาได้น่าทึ่งมาก นั่นก็คือ “การทดลอง ใช้แตงโมที่เย็นจัด มาเป็นตัวนำไฟฟ้าในการชาร์ตไอโฟน” จนคลิปนี้ ก็ได้มีการแชร์ออกไปทั่วโลกและสร้างความฉงนแก่ผู้ชมเป็นอย่างมาก งานนี้น้องภีมของเราเกิดทนไม่ได้ เลยออกมาแก้ไขปัญหาที่ค้างคานี้ซะ ด้วยการทำการทดลองจริงๆซะเลย จะเป็นอย่างไร ไปชมกันครับ


โดยจากที่น้องภีมได้ทำจนเกิดเป็นผลสรุปที่เรียบร้อยแล้ว ปรากฏว่า คลิปที่เราหลงเชื่อกันนั้น มันเป็นคลิปหลอกลวง หรือดัก…วาย เท่านั้นเองซึ่งความจริงแล้ว ก็ได้มีผู้เชี่ยวชาญให้ข้อเท็จจริงมาแล้วว่า มันไม่สามารถเป็นไปได้ เนื่องจากมีความแตกต่างอยู่ 4 ข้อดังนี้คือ
1. แตงโมเป็นผลไม้ที่มีกระแสไฟฟ้าน้อยมากๆ น้อยจนถึงขนาดว่า เรากินเข้าไป ก็แทบไม่รู้สึกว่ามีกระแสไฟฟ้าอยู่ เช่น เดียวกับมะนาวหรือส้มที่ต้องใช้จำนวนนับพันลูกถึงจะเกิดเป็นไฟฟ้าเพียงพอต่อถ่านหนึ่งก้อนได้ และการที่จะใช้ไฟฟ้าแล่นเข้าสู่เครื่องใช้ไฟฟ้าได้ จำเป็นจะต้องใช้ขั้วโลหะที่ต่างศักย์กัน อย่างแผ่นสังกะสีและทองแดง เป็นต้น จึงสามารถให้ไฟฟ้าวิ่งไหลผ่านเข้าไปได้ ไม่ใช่เสียบเข้าไปโดดๆอย่างนี้
2. ปลั๊กที่ชาร์จของไอโฟน ถูกผลิตออกมาเพื่อใช้กับระบบไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) หรือตามไฟบ้าน เช่นเดียวกับเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไปนั่นแหละ แต่ไฟฟ้าที่ทำจากผลไม้นั้น จะเป็นไฟฟ้าแบบกระแสตรง (DC) ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้
3. หากเราลองสังเกตดูดีๆ จะเห็นได้ว่า สายไฟที่ชาร์จถูกพ่วงออกนอกเฟรมหน้าจอ และใช้สายชาร์จอีกอันหนึ่งทำการเสียบไปยังแตงโม โดยที่สายชาร์จอันแรก เสียบเอาไว้อยู่กับปลั๊กไฟอยู่แล้ว ที่เหลือก็แค่นำมันมาเสียบเข้ากับไอโฟน เราก็จะเห็นได้ว่า มันถูกเสียบเป็นสายได้นั่นเอง
4. ในกรณีของคลิปฝรั่ง จะไม่มีการหลุดเฟรมแต่อย่างใด ซึ่งพอเสียบให้เห็นปุ๊บก็ติดปั๊บเลย อันนั้นเขาใช้วิธีแคปหน้าจอที่เป็นรูปแบตชาร์จ แล้วตั้งเอาไว้เป็นในปุ่มล็อค พอเขาเสียบสายชาร์จเข้าไป ก็แค่เปิดเครื่องเท่านั้น สรุปว่า เราโดนหลอกตาเต็มๆเลย

Play Now!






Share on Google Plus

About Unknown

This is a short description in the author block about the author. You edit it by entering text in the "Biographical Info" field in the user admin panel.
    Blogger Comment
    Facebook Comment

0 comments :

Post a Comment